ก่อนอวิชชา อจ.ศุภวรรณ กรีน
ใครที่เข้าถึงสภาวะวิมุตติสุขหรือผัสสะบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือเจอรี่แล้ว ย่อมสัมผัสถึงสภาวะธรรมดาที่ติดพื้นติดดิน ย่อมจะเข้าใจสภาวะที่พระพุทธเจ้ากำลังมีอยู่เป็นอยู่ ในขณะนี้ที่ท่านเป็นเพียงจิตวิญญาณ
คำตอบที่ท่านให้มาในบทที่ 18 นั้นท่านบอกอย่างชัดเจนมากแล้ว
การสอนในห้องอบรมของดิฉัน เมื่อได้พาลูกศิษย์ปฏิบัติจนถึงสภาวะที่เข้าสู่องค์ฌาน ที่เงียบ สงบ นิ่ง ไม่มีเจอรี่เข้ามาวุุ่นวายเพ่นพ่านที่ดิฉันเรียกว่า #ช่องว่างของใจ
#ช่องว่างก็คือช่องว่างที่เหมือนกันหมด
ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างในห้องนี้ ที่บ้านเรา ที่เชียงใหม่ อังกฤษ บนดวงจันทร์ ดาวพฤหัส หรืออีกกาแลกซี่ หากเอามือไปจับช่องว่างก็จะรู้สึกถึงความไม่มีอะไรเหมือนกันหมด
ช่องว่างจึงเปรียบเหมือนผ้าห่มผืนใหญ่ผืนเดียวของจักรวาล
ช่องว่างของใจก็เช่นกัน ไม่ว่าช่องว่างในใจของใคร ล้วนมีรสชาติเดียวกันหมด
คือว่าง นิ่ง เงียบ ไม่กระเพื่อม สงบ เบา สบาย บริสุทธิ์
ช่องว่างนี้ที่จริงไม่มีชื่อเรียก แต่หากต้องการสื่อสารก็ต้องเอาฉลากมาแปะและเรียกชื่อ
พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า #นิพพาน
ดิฉันเรียก #ผัสสะบริสุทธิ์
พระอาจารย์มั่นเรียก #ฐีติภูตัง
พระคริสต์เรียก #พระเจ้า
ท่านเล่าจื๊อเรียก #เต๋า
ชื่อเรียกมากมายเพื่อประโยชน์ในการสื่อสาร แต่จริงๆ แล้วไม่มีชื่อ
ฉะนั้นหากใครเข้าถึงสภาวะนี้ได้ย่อมรู้ชัดว่าคนอื่นที่เข้าถึงได้รู้สึกอย่างไร
เพียงแต่ว่าสภาวะนิพพานนี้ พระอรหันต์ทั้งหลายสามารถคงสภาวะเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายเป็นธรรมชาติมากกว่า
ในขณะที่มีชีวิตเราจำเป็นต้องปฏิบัติเพื่อยกระดับคลื่นความถี่ให้สูงเพื่อรักษาสภาวะช่องว่างของใจหรือนิพพานให้อยู่กับเราได้นาน
แต่หากไม่มีรูปขันธ์คือตายแล้ว จิตวิญญาณนั้นก็อยู่กับความว่างหรือนิพพานอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำอะไร
เพราะนั่นคือสภาวะเดิมแท้ของทุกชีวิต ทุกจิตวิญญาณอยู่แล้ว
📘บางส่วนของหนังสือก่อนอวิชชา : อจ.ศุภวรรณ กรีน